หน้าหลัก บทความทั่วไป

วิธีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดีในการทำงาน

1006 views

วิธีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดีในการทำงาน

วิธีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดีในการทำงาน

วิธีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดีในการทำงาน ฟอนต์มีมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป การเลือกหยิบฟอนต์สักตัวมาใช้ในงานออกแบบสำหรับ Non-designer แล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่ยากในช่วงแรก เพราะไม่รู้ว่างานที่เรากำลังทำอยู่นั้นควรเลือกใช้ฟ้อนต์แบบไหนดี

สังเกตว่าฟอนต์ภาษาไทยและอังกฤษ

จะค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน(ในกรณีที่แยกฟอนต์คนละตัว) แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกให้เป็นตัวเดียวกันเพื่อประหยัดเวลาในการออกแบบ งานสไตล์ Luxury ดูหรูดูแพง งานที่ดูแพงเหมือนจะเลือกใช้ฟอนต์ง่ายแต่จริงๆแล้วไม่เลย งานสไตล์นี้ถึงแม้ว่าฟอนต์จะมีให้เลือกใช้เยอะ แต่ก็ควรเลือกให้เหมาะสม บางฟอนต์อ่านยากและนำมาจัด Layout แล้วไม่ค่อยสวยนัก เทคนิคการเลือกอาจจะต้องลองเลือกมา 4-5 แบบ มาวางเทียบกันแล้วดูว่าตัวไหนดูแล้วดีที่สุด รวมไปถึงสังเกตขาของฟอนต์ว่ามีความแข็งแขงขนาดไหน ฟ้อนต์สไตล์ Luxury ควรดูมั่นคงแข็งแรง ขาของฟอนต์ต้องคมและสวย วิธีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดีในการเลือกใช้ทำงาน

ฟอนต์มีมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป การเลือกหยิบฟอนต์สักตัวมาใช้ในงานออกแบบสำหรับ Non-designer แล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่ยากในช่วงแรก เพราะไม่รู้ว่างานที่เรากำลังทำอยู่นั้นควรเลือกใช้ฟ้อนต์แบบไหนดี

การเลือกใช้ฟอนต์ไม่มีหลักการตายตัวว่าควรจะเลือกแบบไหนถึงจะออกมาสวยและดีที่สุด การเลือกใช้ฟอนต์ก็จะต้องดูอารมณ์ของงานและกลุ่มเป้าหมายของผู้อ่านเป็นส่วนประกอบด้วย ฟ้อนต์มีหัวหรือไม่มีหัวก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องระบบในกรณีที่มีข้อความเยอะพอควรก็ควรเลือกฟอนต์แบบมีหัวให้อ่านได้ง่าย

ประเภทและสไตล์ของงานออกแบบก็มีหลากหลายแตกต่างกันไป ถ้าใครยังหาฟอนต์ที่เข้ากับสไตล์งานของตัวเองไม่เจอมาลองดูไปพร้อมกันเลยค่ะ มาเริ่มเลย

งานสไตล์ Corporate

น่าเชื่อถือแต่ต้องไม่น่าเบื่อ ฟอนต์ของ Corporate ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การสื่อสารและการเล่าเรื่องราวเป็นหลัก ฟอนต์สไตล์ที่เลือกควรมีลักษณะแข็งแรงอ่านง่ายแต่ต้องดูทันสมัย (อย่าพยายามใช้ Tahoma หรือ Angsana New ถ้าไม่จำเป็น) เทคนิคการเลือกลองเลือกฟอนต์ที่ไม่มีหัวเพื่อใช้กับ Headline ผสมกับฟอนต์มีหัวที่ใช้สำหรับการสื่อสารหรือข้อความยาวๆ ฟอนต์ต้องมั่นคงแข็งแรง งานสไตล์ Variety ดูสนุกและผ่อนคลายเป็นงานที่เลือกฟอนต์ได้อย่างอิสระมากกว่าทุกสไตล์ที่กล่าวมา แต่ก็ไม่ได้หลายความว่าจะเลือกฟอนต์ตัวไหนมาใช้ก็ได้ เพราะสุดท้ายความง่ายในการอ่านก็ยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอสำหรับการสื่อสาร งานสไตล์นี้สามารถเลือกฟอนต์แบบ Display มาใช้ผสมกับฟอนต์อื่นๆก็ได้แต่ไม่ควรเลือกฟอนต์ที่ดูแข็งจนเกินไปและจะต้องจัดลำดับความสำคัญให้ของฟอนต์ให้ดี ไม่เช่นนั้นความสนุกอาจจะหายไปจากงานของเรา ให้พื้นที่ตัวอักษร
การให้พื้นที่กับตัวอักษรจะทำให้คนอ่านไม่รู้สึกปวดตาหรืออึดอัดเกินไป ลองคิดเล่นๆดูว่าคุณกำลังมองวิวเมืองแล้วเห็นถนนมีแต่รถเต็มไปหมดคุณจะรู้สึกอึดอัดรึเปล่า ? ตัวอักษรก็เช่นเดียวกันให้พื้นกับตัวอักษรแล้วงานออกแบบของคุณจะดูไม่อึดอัดจนเกินไป
เว้นบรรทัดให้พอเหมาะ
การเว้นบรรทัดให้พอเหมาะพอดีเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายๆคนลืมให้ความสำคัญ การเว้นระยะห่างระหว่างบรรทัดมีผลต่อการอ่านมาก เพราะถ้าคุณเว้นระยะบรรทัดมากเกินไปคนอ่านจะต้องกวาดสายตาให้มากขึ้นและแน่นอนครับ อาการปวดตาจะตามมาทีหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้

อย่าย่อ “สเกล” จนเพี้ยน
อีกหนึ่งผิดพลาดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ คือการที่คุณย่อหรือเพิ่มขนาดตัวอักษรแต่คุณย่อแบบไม่ดูสเกลของตัวอักษรเลย บางคนย่อจนตัวอักษรบิดเบี้ยวจนหมดรูป อย่าเชียวนะครับ เวลาย่อทุกครั้งอย่าลืมกด Shift ไปด้วยทุกครั้งเพื่อให้เกิดความเคยชิน หรือถ้าคุณไม่อยากจะกด Shift ให้คุณเพิ่มเป็นตัวเลขขนาดแทนจะดีกว่าการย่อขยายเองมากๆเลยครับ

ทำสีสันให้ดึงดูด
ถ้าอยากให้คนสนใจในงานของคุณ คุณจะต้องออกแบบและจัดวางตัวอักษรของคุณให้สามารถอ่านได้ง่าย และหลักการง่ายๆที่จะมาช่วยให้งานของคุณมีพลังดึงดูดมากขึ้นก็คือการเลือกสีสันให้คนอ่านสามาถอ่านได้ง่าย เลือกสีให้ตัดกัน จะสามารถทำให้อ่านได้ง่ายมากขึ้น

เลือก Font ให้ดี
Font บาง Font ไม่เหมาะกับการอ่านที่เยอะๆหรอกนะ Font แต่ละตัวจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัว เพราะงั้นคุณจะต้องเลือกดีๆเพื่อที่งานของคุณจะได้ไม่เละเทะจัดการติ่งข้อความ
หลายคนเจอเนื้อหายาวๆที่ต้องนำมาออกแบบและจัดวาง พยายามเว้นบรรทัดจัดหน้าให้ดูดีที่สุดแต่ในการจัดทุกครั้งมันจะมี “ติ่ง” ข้อความหลุดออกมาเสมอ เพราะงั้นอย่าทิ้งมันไว้ให้โดดเดียวพามันกลับเข้าไปในประโยคด้วย เพื่อที่จะได้ประหยัดเนื้อที่และประโยคจะได้ไม่ขาดหายอย่าใช้ Font หลายตระกูล
นักออกแบบหลายคนชอบติส 1 ประโยคจัด Font 7 ตระกูล บ้าไปแล้ววววววว !! มันรกเกินไป  1 ประโยคควรจะมี Font ไม่เกิน 3 ตระกูล เพื่อที่จะทำให้ประโยคนั้นไม่รกจนเกินไปเลือก Font ให้เข้ากับงาน
การเลือก Font ให้เหมาะสมกับงานเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจให้มากที่สุด หลายคนออกแบบงานมาอย่างดีแต่พอเลือก Font แล้ว บอกได้คำเดียว เลือก Font ผิดชีวิตเปลี่ยน

อย่าใช้ Effect ตัวอักษรสุดเห่ย
Effect ของ Font ที่มากับโปรแกรมต่างๆ ขอร้องเลยครับว่า อย่า (หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้ให้น้อยที่สุด) ลองเปลี่ยนมาเน้นความหนาให้ Font หรือ ใช้สีให้เด่นๆแทนดีกว่า เพราะ Effect ที่มีให้พวกนั่น มันช่างล้าสมัยและโบราณซะเหลือเกินใหญ่บ้างเล็กบ้าง
ถ้าจะพาดหัวอะไรสักอย่างนึงคุณลองนึกดูนะว่ามันจะมีคำที่ต้อง เน้น และ ไม่เน้น ถ้ามันขนาดเท่ากันหมดหรือหนาเท่ากันหมด มันจะดึงความสนใจไปหมด ลองปรับให้ใหญ่บ้างเล็กบ้างดูแล้วก็จบกันเป็นที่เรียบร้อย หวังว่า 10 ข้อที่ผ่านมาจะเป็นประโยชน์สำหรับนักออกแบบมือใหม่ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าอยากเก่งต้องฝึกฝนกันบ่อยๆ การออกแบบก็เหมือนการเล่นกีฬานะครับ ฝึกให้บ่อยๆทำไปเรื่อยๆจนชิน ต่อไปพอเห็นบรีฟงานภาพในหัวก็จะมาเองครับ และก็ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ 

1. คุณต้องการให้เว็บไซต์มีลักษณะเป็นอย่างไร? การสร้างเว็บไซต์ เปรียบเสมือนกับการสร้างหน้าร้านออนไลน์ให้ธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะต้องการให้ผู้ที่คลิกเข้ามายังเว็บไซต์รู้สึกอย่างไรต่อธุรกิจ คุณก็สามารถใช้ฟอนต์ที่ปรากฎอยู่บนรูปภาพ หรือคำอธิบายที่หน้าเว็บไซต์นำทางพวกเขาได้ เช่น ธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจความงาม คุณอาจใช้ฟอนต์ที่ดูหรูหรา มีความโค้งมน เหมาะกับสุภาพสตรีเป็นหลัก หรือหากธุรกิจของคุณขายสินค้าประเภทเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเลต กล้องถ่ายรูป ฯลฯ คุณก็อาจเลือกใช้ฟอนต์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในอนาคต ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณเอง ว่าต้องการวางตำแหน่งของแบรนด์เอาไว้ตรงจุดไหน หากคุณสามารถตอบคำถามในข้อนี้ได้ คุณก็กำลังเข้าใกล้การทำเว็บไซต์ที่ดีไปอีกขั้น

2. คุณต้องการจะสื่อสารกับใคร?เราอยากให้คุณลองจินตนาการดูว่า กลุ่มลูกค้าของคุณคือใคร? มีลักษณะอย่างไร? ความชอบเป็นแบบไหน? และเว็บไซต์แบบไหนที่พวกเขาจะให้ความสนใจ? เช่น ลูกค้าของคุณเป็นผู้ชาย อายุ 25-40 ปี ที่มีบุคลิกโลดโผน ชอบท่องเที่ยว และรักการถ่ายภาพ เมื่อคุณทราบเช่นนี้แล้ว มันจะง่ายกว่ากันมากที่คุณจะเลือกฟอนต์ให้เหมาะสมกับพวกเขา เพราะคุณสามารถตัดฟอนต์ประเภทตัวหนังสือโค้งมนสวยงาม หรือฟอนต์ลายมือแบบเด็ก ๆ ออกไปจากความคิดได้เลย ดีที่สุด

3. เว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ประเภทใด?หากเว็บไซต์ของคุณเป็นร้านค้าออนไลน์ ที่ใช้ข้อความในการจูงใจลูกค้าเพื่อการปิดการขาย ฟอนต์ที่เหมาะสมที่คุณจะเลือกใช้ ควรจะเป็นฟอนต์ตัวอักษรที่มีความหนักแน่น ชัดเจน และสร้างแรงบันดาลใจ คุณไม่ควรใช้ฟอนต์หวัด หรือฟอนต์ที่มีลักษณะเหมือนลายมือที่ปุ่ม “Buy Now” เพราะสมองของผู้บริโภคออนไลน์แทนตัวอักษรเป็นคำพูด แทนฟอนต์เป็นเสียง การใช้ตัวอักษรที่เอียง หวัด หรือมีลูกเล่น จะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่มั่นคง และรู้สึกว่าคุณไม่มีความจริงจังต่อการขายได้แต่ถ้าหากว่าเว็บไซต์ของคุณ เป็นบล็อกให้ความรู้ หรือเป็นเว็บไซต์สำหรับโปรโมทองค์กร คุณสามารถเลือกใช้ฟอนต์ที่มีลูกเล่นมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสนิทสนมกับผู้อ่าน ให้เหมือนว่าคุณกำลังพูดกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ในองค์กรรัฐบาล หรือเว็บไซต์ที่ให้ความรู้วิชาการ ฟอนต์ทางการก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับความน่าเชื่อถือขององค์กร

4. จะใช้ฟอนต์ Serif หรือ Sans Serif ดีกว่ากัน? ความแตกต่างของการใช้ฟอนต์ Serif และ Sans Serif นั้น เป็นสิ่งที่ทราบกันดีในวงการนักออกแบบ แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ประกอบการ ที่ไม่ได้มีความรู้ด้านศิลปะ หรือการออกแบบมากมายนัก วันนี้ เราจะมาอธิบายความแตกต่างของฟอนต์ทั้งสองแบบให้ได้เข้าใจกัน แบบ Serif (เซริฟ) คือแบบอักษรที่มีขีดเล็ก ๆ อยู่ตรงปลายสุด ดังที่ปรากฏในตัวอักษรตระกูล Times แบบอักษรชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแบบโรมัน (roman) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอักษรที่จารึกไว้ในหินของอาณาจักรโรมัน เซริฟมีส่วนช่วยในการกวาดสายตาไปตามตัวอักษร ทำให้อ่านง่าย และนิยมใช้สำหรับพิมพ์เนื้อความแบบ Sans Serif (ซานส์เซริฟ) จะมีลักษณะที่ตรงข้ามกัน คือไม่มีขีดที่ปลายอักษร และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า แบบกอทิก (gothic) อักษรชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเนื้อความ แต่เหมาะสำหรับใช้พาดหัวหรือหัวเรื่องที่ต้องการเรียกความสนใจ ผ่านการมองเพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้น ขณะที่คุณพิจารณาว่าจะใช้ฟอนต์ใดบนเว็บไซต์ ควรทำความเข้าใจการใช้งานของมันก่อน

อ่านเพิ่มเติม My Hero Academia  Jokergame Joker Gamimg pg slot สล็อต slot

Tags :

Joker

Last Update : 10 พฤษภาคม 2021

.... หน้าหลัก